รวมเรื่องต้องรู้เกี่ยวกับการต่อภาษีรถยนต์

หลายคนอาจรู้สึกยุ่งยากและเสียเวลาในการต่อภาษีรถยนต์ แต่รู้หรือไม่ว่า ปัจจุบันมีช่องทางสะดวกมากมายให้คุณสามารถต่อภาษีได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องออกจากบ้าน หรือลงจากรถ!

บทความนี้จะมาแนะนำเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับการต่อภาษีรถยนต์ ทั้งต่อภาษีรถใช้เอกสารอะไรบ้าง? ขั้นตอนการต่อภาษี รวมไปถึงช่องทางต่าง ๆ ในการต่อภาษี ให้คุณทราบแบบครบถ้วน เตรียมตัวให้พร้อมแล้วมาต่อภาษีรถกันเถอะ!

ต่อภาษีรถ ใช้เอกสารอะไรบ้าง?

• สมุดคู่มือจดทะเบียนรถตัวจริงหรือสำเนา

• หลักฐานการเอาประกันภัยตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (ยังไม่หมดอายุ ณ วันต่อภาษีรถ)

• เอกสารยืนยันการตรวจสภาพรถจาก ตรอ. หรือ สถานตรวจสภาพรถเอกชน (กรณีเป็นรถยนต์ที่จดทะเบียนมากกว่า 7 ปี)

• เอกสารรับรองการติดแก๊ส (กรณีเป็นรถยนต์ที่ติดตั้งระบบแก๊ส)

ต่อภาษีรถยนต์ได้ที่ไหนบ้าง?

เมื่อเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้ว สามารถยื่นชำระภาษีรถยนต์ได้ที่

1. เว็บไซต์กรมการขนส่งทางบก

2. สำนักงานขนส่งทั่วประเทศ

3. ที่ทำการไปรษณีย์

4. ห้างสรรพสินค้าที่เข้าร่วมโครงการ “ช้อปให้พอ แล้วต่อภาษี” (Shop Thru for Tax)

5. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

6. เคาน์เตอร์เซอร์วิสทั่วประเทศ 

7. บริการเลื่อนล้อต่อภาษี (Drive Thru for Tax) ที่กรมการขนส่งทางบก

8. แอปพลิเคชัน mPay และ TrueMoney Wallet

ขั้นตอนการต่อภาษีรถยนต์

1. นำรถไปตรวจสภาพที่สำนักงานขนส่ง หรือสถานตรวจสภาพรถเอกชน (กรณีเป็นรถยนต์ที่จดทะเบียนมากกว่า 7 ปี)

2. เลือกช่องทางที่ตนเองสะดวกในการต่อภาษีรถยนต์

3. เตรียมเอกสารต่าง ๆ ให้พร้อม

4. ดำเนินการต่อภาษีรถตามช่องทางที่เลือก พร้อมชำระค่าภาษี

5. รับเอกสารยืนยันการต่อภาษีรถยนต์เป็นอันเสร็จสิ้น

ไม่ต่อภาษีรถยนต์จะเป็นอย่างไร?

กรณีต่อภาษีรถยนต์ช้ากว่ากำหนด ต้องเสียค่าปรับร้อยละ 1 ต่อเดือน นั่นแปลว่า ยิ่งต่อภาษีช้า ค่าปรับจะยิ่งเพิ่มขึ้น และถ้าขาดการต่อภาษีรถยนต์มากกว่า 3 ปี ขึ้นไป ทางขนส่งจะดำเนินการระงับทะเบียนทันที ซึ่งถ้าต้องการต่อภาษีรถยนต์ใหม่ ต้องยื่นขอจดทะเบียนรถใหม่และนำป้ายทะเบียนเดิมไปคืนให้กับกรมการขนส่งทางบก พร้อมกับชำระค่าปรับ

นอกจากการต่อภาษีรถยนต์ประจำปีแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เจ้าของรถไม่ควรมองข้ามคือ การทำประกันรถยนต์ ตัวช่วยดูแลค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือเหตุฉุกเฉินบนท้องถนน ซึ่งควรเลือกบริษัทประกัน หรือโบรกเกอร์ที่มีคุณภาพ อย่างเช่น heygoody โบรกเกอร์ประกันรถยนต์ที่มีแผนประกันดี ๆ จากบริษัทประกันชั้นนำให้เลือกมากมาย สามารถเช็คเบี้ยและซื้อประกันออนไลน์ได้ง่าย ๆ 24 ชม. ที่เว็บไซต์ heygoody ได้เลย

ภาพประกอบ :  https://drive.google.com/drive/folders/1YdHssj2QeHkUNuVUDW7v7jFEjPRMgHtG?usp=sharing