เมนูหมูสไลด์คั่วเกลือ เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพราะมีรสชาติที่อร่อยโดดเด่น และถูกปากคนไทย เป็นอาหารที่กินกับข้าวสวยได้อย่างลงตัว หรือจะทำเป็นกับแกล้มก็อร่อยเข้ากันอย่างสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อองค์ประกอบหลักเป็นหมูสไลด์ที่มีความบางพอดีคำ สามารถซึมซับรสชาติของเครื่องปรุงได้อย่างครบถ้วน เมื่อนำมาคั่วเกลือก็จะได้ความกรอบอย่างพอดี

อย่างไรก็ตาม เมนูหมูสไลด์คั่วเกลือ ยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ ที่รวมกันเป็นมื้ออาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยวันนี้เราจะพามาดูกันว่าส่วนประกอบต่าง ๆ ของเมนู หมูสไลด์ คั่ว เกลือ มีประโยชน์อย่างไรต่อร่างกาย และเหมาะสำหรับกินเป็นอาหารหลักมากแค่ไหน ถ้าหากอยากรู้คำตอบแล้ว เราไปดูกันเลย

องค์ประกอบหลัก หมูสไลด์ คั่ว เกลือ พร้อมประโยชน์ต่อร่างกายที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพ

• เนื้อหมู

เนื้อหมูซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการทำเมนูนี้ เป็นส่วนประกอบที่มีประโยชน์อย่างมากมาย เพราะเป็นสิ่งที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย โดยเนื้อหมูมีสารอาหารประเภทโปรตีน ซึ่งมีประโยชน์ช่วยสร้างเสริมให้ร่างกายแข็งแรง นอกจากนี้ยังมีไขมัน และวิตามินที่ช่วยในเรื่องการทำงานของระบบร่างกาย 

เช่น วิตามิน ช่วยบำรุงสายตา และระบบประสาท ส่วนไขมัน เป็นสารอาหารหมู่ที่ 5 ซึ่งร่างกายควรได้รับเพื่อเพิ่มพลังงานในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ดังนั้น เนื้อหมูจึงมีประโยชน์สำหรับร่างกายอย่างมาก

• ผัก

ผักในเมนูหมูสไลด์คั่วเกลือ ได้แก่ กระเทียม พริก และผักชีโรยหน้า ซึ่งผักทั้งสามชนิดมีสรรพคุณด้านสมุนไพร โดยกระเทียมนั้นมีคุณสมบัติด้านการปรับระดับความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ ช่วยขับลม และเพิ่มภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย 

ในส่วนของพริกมีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยชะลอริ้วรอย อีกทั้งในพริกยังมีสารบรรเทาความเจ็บปวด และยังกระตุ้นให้สมองหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินออกมาซึ่งช่วยให้อารมณ์ดี รู้สึกผ่อนคลาย 

และสำหรับผักชีมีคุณสมบัติในการแก้อาการหวัด ช่วยในการขับเหงื่อ อีกทั้งช่วยบำรุงสายตาได้อย่างดี

• เครื่องปรุง

เครื่องปรุงสำคัญ ได้แก่ เกลือ ซึ่งมีคุณสมบัติในการรักษาน้ำในร่างกาย เพื่อให้เกิดความสมดุล และเป็นผลให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างปกติ อีกทั้งยังช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำ ซึ่งเป็นภาวะที่มีความอันตรายถึงชีวิต 

การบริโภคเกลืออย่างพอเหมาะจึงมีประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนั้นในการทำอาหารก็ควรมีการควบคุมปริมาณเกลืออย่างพอดี เพราะหากร่างกายได้รับเกลือมากเกินไป จะส่งผลเสียในระยะยาวมากกว่าผลดีนั่นเอง

ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.pitchameat.com/